วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ประวัติโรงเรียนเทศบาล1ทรงพลวิทยา

e-Classroom เกริ่นนำ สถาบันการศึกษาทุกสถาบันมุ่งพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อการบริหารจัดการและส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนนำไปสู่การเป็นผู้นำ ในชุมชนและสังคม ในการจัด การเรียนรู้สามารถให้ผู้เรียนอย่างหลากหลายมีคุณภาพสอดคล้องกับความต้องการ, ความสนใจของผู้เรียนมีการสอดแทรกภูมิปัญญาคุณธรรมและค่านิยมที่พึงประสงค์ ให้ผู้เรียน ในองค์กรมีการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบมี ประสิทธิภาพผล ของการพัฒนา ในภาพรวมทั้งหมดมุ่งสู่การสร้างเครือข่ายและสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างสร้าง สรรค์ ดังนั้นสถาบันการศึกษาทุกสถาบันต่างสร้างจุดเน้นในการพัฒนา เช่น ด้านบุคลากร ด้านหลักสูตร ด้านสื่ออุปกรณ์ อาคารสถานที่ และด้านการสร้างเครือข่ายแห่งการเรียนรู้ในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ และระดับสากล การพัฒนาห้องเรียน การพัฒนางานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียน จึงมิใช่แค่การสร้างห้องคอมพิวเตอร์ (Computer Lab) แต่น่าจะเป็นการพัฒนาเพื่อเป็นTool สำหรับการศึกษา โดยมีเป้าหมายเป็นผลสัมฤทธิ์ของงานให้สอดคล้องกับเป้าหมายของดังนี้ 1. เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก (Tool) ด้านสร้างทักษะในการใช้เทคโนโลยีของผู้เรียนทุกระดับ 2. เป็นศูนย์ความรู้ในหลักสูตร ของทุกกลุ่มสาระ มีความสามารถพัฒนาต่อยอดให้มีการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่น และค่านิยมที่พึงประสงค์ที่เกี่ยวข้องกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ 3. เป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวก (Tool) ด้านการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศพัฒนา การจัดกระบวนการเรียนรู้ของครูผู้สอนทุกคน 4. มีความสามารถในการสนับสนุนให้เกิดIn–house Softwareที่ส่งเสริมประสิทธิภาพ และประสิทธิผลของงานฝ่ายต่าง ๆ 5. โซลูชั่นของห้องเรียนจะไม่ใช่แต่ห้องคอมพิวเตอร์ แต่จะเป็นห้องเรียนเอนกประสงค์ ด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ได้แบบหลากหลาย (e-Learning, e-Library, e-Exam.) e-Classroom คืออะไร e-Classroom คือ ระบบห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งใช้เทคโนโลยีของคอมพิวเตอร์ และ โปรแกรมการจัด การเครือข่าย เพื่อให้ครูสามารถเข้าถึงนักเรียนแต่ละคนได้ง่ายและรวดเร็ว สังเกตการณ์เรียนของนักเรียนได้เป็น รายบุคคล ทำให้สามารถประเมินผลการเรียนได้ทันที เพื่อให้ e-Classroom มิใช่แค่ห้องคอมพิวเตอร์ ทันสมัย และ เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงภายใต้แนวความคิด “Child Center” โซลูชั่นสำหรับห้องเรียน จึงควรมีระบบเทคโนโลยี และซอฟต์แวร์ หลากหลาย และสามารถเลือกใช้ได้ตามต้องการ โซลูชั่นห้องเรียน ประกอบด้วย หมวดห้องเรียน (Computer Room) ได้แก่ · คอมพิวเตอร์ และ อุปกรณ์ช่วยสอน เครื่องแม่ข่าย CPU: Xeon DDR2 RAM 2 Gb. LCD 15” เครื่องคุณครู CPU: Core2Duo DDR2 RAM 1 Gb. LCD 17” เครื่องนักเรียน CPU: Celeron D DDR2 RAM 512 Mb. LCD 17” Projectorพร้อมจอรับภาพ70x70นิ้ว หรือ เครื่องฉาย 3มิติ (Visualizer) หรือ HDTV 40 นิ้ว กระดานดำอีเล็กทรอนิกส์ (e-Board) โต๊ะคอมพิวเตอร์ และ เก้าอี้ · อุปกรณ์เน็ตเวิร์ค (Gigabit LAN & Wireless LAN) ระบบเครือข่ายไร้สาย และ Access Point Switching 24 port 10/100/1000 (Gigabit LAN) UPS 500-600 VA, Close Rack ระบบสายเคเบิลเชื่อมโยงเครือข่ายภายในห้องเรียน ระบบไฟฟ้าสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ พร้อมตู้ควบคุมไฟ · ซอฟต์แวร์การบริหารห้องเรียน โปรแกรมระบบควบคุมเครื่องนักเรียน · ซอฟต์แวร์การจัดการ เครื่อง และ เครือข่าย โปรแกรมป้องกันฮาร์ดดิส และRestore โปรแกรมระบบบริหารจัดการเครือข่าย ควบคุมระบบระยะไกลผ่านอินเตอร์เน็ต หมวดสื่อการเรียน (Learning Software) ได้แก่ · ซอฟต์แวร์จัดเก็บสื่อการเรียน (Content Bank) โปรแกรมจัดเก็บเนื้อหาสื่อการเรียน Content Bank Application · ซอฟต์แวร์สื่อการเรียน (Content Software) โปรแกรมห้องสมุดสื่อการเรียน (e-Library) โปรแกรมระบบจัดทำข้อสอบ และ ระบบคลังข้อสอบ (Test Bank & e-Exam) · ซอฟต์แวร์สื่อการเรียนผ่านอินเตอร์เน็ต (e-Learning Solution) โปรมแกม e-Learning แบบ LMS หมวดอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง · การบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง (ADSL via Phone Line or via Satellite) ติดตั้งอุปกรณ์รับสัญญาณอินเตอร์เน็ต ผลที่คาดว่าจะได้รับ · ผู้เรียนเกิดทัศนคติที่ดีต่อการเรียนการสอนยุคใหม่ · ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์ในการสื่อสาร · ผู้เรียนสามารถพัฒนาทักษะการใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือพื้นฐานในการศึกษาค้นคว้าจากแหล่งสารสนเทศต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ · ผู้ปกครองและชุมชนมีความเชื่อมั่นและสนับสนุนโครงการอย่างเต็มที่อันจะส่งผลให้โครงการสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผล
 

ภาพบรรยากาศในทรงพล













ประวัติเทศบาลเมืองบ้านโป่ง
"เทศบาลเมืองบ้านโป่ง" เดิมเรียกว่า "ตำบลบ้านโป่ง" ต่อมากระทรวงมหาดไทยได้ออกพระราชบัญญัติ จัดตั้งตำบลบ้านโป่งขึ้นเป็น "สุขาภิบาลท้องที่บ้านโป่ง" เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ.2459 และ ในปี พ.ศ.2475 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดระเบียบ เทศบาล พ.ศ.2476 ขึ้น และได้มีการประกาศพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งเทศบาลเมืองบ้านโป่ง เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2478 โดยในเริ่มแรก (สมัยเริ่มการ) กระทรวงมหาดไทยได้แต่งตั้ง นายบุญ เชาว์ฉลาด เป็นนายกเทศมนตรี มีขุนดำเนินสวัสดิ์ และ นายบุญนาค กลิ่นหอม เป็น มนตรี (เทศมนตรี) เพื่อเข้ามาบริหารงานกิจการของเทศบาลเป็นคณะแรก
"สำนักงานเทศบาลเมืองบ้านโป่ง" เดิมตั้งอยู่ระหว่าง ที่ว่าการอำเภอบ้านโป่ง กับ ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขบ้านโป่ง และต่อมาในสมัย ..... นายกิจ ทรัพย์เย็น เป็นนายกเทศมนตรี ได้พิจารณาเห็นว่าสำนักงานเทศบาลคับแคบ จึงได้ซื้อที่ดินริมถนนทรงพล (ตรงข้ามกับวัดดอนตูม) สร้างเป็นสำนักงานเทศบาลเมืองบ้านโป่งขึ้น เป็นอาคารแบบทันสมัย 2 ชั้น เปิดทำการเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2507 และเมื่อปี พ.ศ.2530 ในสมัยนายกเทศมนตรี พยุง เจริญสุข ได้ปรับปรุงอาคารสำนักงานเทศบาลเป็นอาคาร 4 ชั้นเชื่อมกับอาคาร 2 ชั้น และในปี พ.ศ.2541 ในสมัย นายกเทศมนตรีวัฒนา เจษฎิฐิติกุล ได้ทำการรื้อถอนอาคาร 2 ชั้น และก่อสร้างใหม่เป็นอาคาร 4 ชั้นต่อเชื่อมกับอาคาร 4 ชั้นเดิม แล้วเสร็จเมื่อเดือน กรกฎาคม พ.ศ.2542

ประชากร

เทศบาลเมืองบ้านโป่ง มีจำนวนประชากร 21,587 คน ปี 2552

พื้นที่อาณาเขต

เทศบาลเมืองบ้านโป่ง มีพื้นที่ครอบคลุม 1 ตำบลคือ ตำบลบ้านโป่ง มีพื้นที่รวม 2.91 ตารางกิโลเมตร หรือ 1,819 ไร่
  • ทิศเหนือ ติดตำบลปากแรตและตำบลท่าผา
  • ทิศใต้ ติดตำบลสวนกล้วย
  • ทิศตะวันออก ติดตำบลปากแรต
  • ทิศตะวันตก ติดแม่น้ำแม่กลอง
ชุมชนภายในเขตเทศบาล
ชุมชนภายในเขตเทศบาล มีจำนวน 20 ชุมชน ประกอบด้วย
  1. ชุมชนหลวงสิทธิ์เทพการ
  2. ชุมชนหลังโรงเรียนรัตนราษฎร์บำรุง
  3. ชุมชนซอยโรงธูป
  4. ชุมชนบ้านไทยสามัคคี
  5. ชุมชนประชาร่วมใจ – บ้านโป่งใหม่
  6. ชุมชนร่วมใจพัฒนา (ศิริทวี 1)
  7. ชุมชนร่วมใจพัฒนา (ศิริทวี 2)
  8. ชุมชนซอยบุญทำดี
  9. ชุมชนค่ายหลวงพัฒนา
  10. ชุมชนสิทธิกิจพัฒนา
  11. ชุมชนไกรฤกษ์
  12. ชุมชนหมู่บ้านลาภอนันต์
  13. ชุมชนหน้าวัดดอนตูม
  14. ชุมชนหมู่บ้าน ซี.เค.1
  15. ชุมชนหมู่บ้าน ซี.เค.2
  16. ชุมชนหลวงเวชสิทธิ์นิรภัย
  17. ชุมชนบุญญลักษณ์
  18. ชุมชนหลังโรงพิมพ์ผดุงศิลป์
  19. ชุมชนมายเฮาส์
  20. ชุมชนโรงเรียนดุสิตวิทยา

การใช้เว็บบล็อกเพื่อการเรียนการสอน

Web Blog คือ ( Web + Log ) หรือเรียกสั้นๆ ว่า “blog” ชื่อดังกล่าวเริ่มใช้เมื่อเดือนธันวาคม ปี 1997 โดยผู้ที่คิดชื่อนี้คือ Jorn Barger “weblog” (เว็บ Blog) หมายถึงเว็บไซต์ส่วนตัว ที่ผู้สร้างหรือที่เรียกว่า blogger จัด ทำขึ้นเพื่อเป็นที่บอกเล่าเรื่องราว สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เสนอบทความใหม่ๆ วิจารณ์ข่าวสารบ้านเมือง หรืออื่นๆ ที่ผู้ใช้เห็นว่าน่าสนใจ พร้อมกันนั้น ยังเปิดให้ผู้เยี่ยมชมได้สามารถแสดงความคิดเห็นต่อ topic ต่างๆ ที่ได้ตั้งขึ้นอีกด้วย ก็คือการ บันทึกบทความของตนเอง ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ Blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็นบทความเฉพาะ ด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเอง ใส่ลงไปในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัวตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะ บล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ความถนัดของเจ้าของบล็อก ซึ่งมักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น จุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่านบล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อก By KruNutt
 
ขอขอบคุณ ข้อความจากเว็บ  http://songpolschool.blogspot.com/

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

เพื่อนของฉัน





ฉันมีชื่อว่า  พงศธร    พุทธรักษา        เรียนอยู่ที่ เทศบาล1ทรงพลวิทยา

มีเพื่อนสนิทชื่อ  นาย  วัชรพล    แก้วมงคล

ความรู้สึก    โคตรน่าเบื่อเลยที่ผมได้สร้างเว็บบล็อกเบื่อมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ต้องขอบคุณ  ครูนัฐวุฒิ   มุ่งเสรี    ที่ทำให้ผมอยากทำงาน
แต่ผมก้อยังไม่อยากทำอยู่ดี จนมีเพื่อนมาบ้านและชวนผม
ทำงานเพราะตังมันหมดจากการเล่นเกมผมเลยทำงานจนเสร็จ
ดังคำกลอนว่า
  
ยามกูมีผีผอมตอมกันแดก              ยามวงแตกผีอ้วนชวนกันหนี
 กูมั่งมึงมั่งก็ยังดี                             ยามมึงมีมึงแอบแดกกูแปลกใจ

บทความนำเสนอ    ครูนัฐวุฒิ   มุ่งเสรี
     จัดทำโดย  นาย พงศธร    พุทธรักษา ม.2/3



วันนี้หนูดีใจมากที่ได้เว็บบล็อกเป็นครั้งแรกต่อจากนี้หนูจะสร้างเครือข่ายของห้อง ม.2/3 ผ่านเว็บของหนูเพื่อสร้างความสำคัญแบบสังคมออนไลน์
คุณครู ณัฐวุฒิ มุ่งเสรี ได้แนะนำว่า ให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์บทความี่ทเป็นประโยชน์และมีความรู้เพื่อให้เว็บของเราน่าสนใจ

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

ฝึกB-boyโดย แมนต๊อกต๊อย

วิธีการฝึกเต้น B-Boy แบบง่ายๆๆ
ท่านี้เป็นท่าแรกที่คุณควรจะทำก่อนทำสิ่งต่างๆเนื่องจากเป็น
basic ที่จำเป็นอย่างยิ่ง Toprock คือ step ที่ b-boy ทำ
ก่อนที่จะเริ่ม ทำ Footwork หรือ Power Moves ต่างๆ
ความจริงท่านี้คุณไม่จำเป็นต้องรู้อะไรเลย เพราะว่ามันจะออก
มาจากอารมณ์ของคุณเองโดยที่ใครก็กำหนดไม่ได้ เหมือนกับ
ว่าคุณ ฟัง hip-hop แล้วคุณก็โยกไปโย่ไปไรประมาณนี้ แต่
เราก็มีแนวทางที่ b-boy ส่วนใหญ่ ใช้ เล่น Toprock โดยมี
step ดังนี้
1) ก้าวเท้าขวาเฉียงไปด้านซ้าย
2) ก้าวขวากลับมายืนที่เดิมคุณสามารถกระโดดก็ได้
3) ก้าวเท้าซ้ายเฉียงไปทางขวา
4) ก้าวกลับมาที่เดิม อาจกระโดดก็ได้
นอกจากนี้ยังมีการเดินเป็นวงกลมและสามารถรวม step
ข้างต้นลงไปก็ได้ซึ่งขึ้นอยู่กับเรา และนอกเหนือจากนี้คุณยัง
สามารถดูจากวีดีโอเบรคฯและสามารถนำสไตล์ของผู้อื่นมาดัด
แปลงก็ได้ แต่อย่างไรก็ดีเราไม่ควรลอกสไตล์ใครมาเลย
เพราะมันจะเป็นการหมิ่นอย่างมาก ซึ่งแต่ล่ะคนจะมีสไตล์
การเต้น Toprock ต่างกันไปตามอารมณ์ ของแต่ล่ะคน
หรืออาจมาจากศิลปการต่อสู้ ,การเต้นแบบอื่น ,และการ
ผสมผสานของสิ่งต่างๆเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน ซึ่งจะเป็น
สไตล์ที่ออกมาจาข้างในของแต่ล่ะบุคคลซึ่งแน่นอนมันจะ
ต้องต่างกันมาก
Tip ; ท่านี้เป็นท่า freestyle เทคนิคคือเอกลักษณ์ของแต่ล่ะคนครับ

การหมุน
ภาพการหมุนแบบต่างๆ

( หมุนหลัง )
เป็นท่าที่ง่ายที่สุดในการหมุน ได้รับความนิยมมากในสมัยก่อน
สามารถใช้ต่อท่า จาก Windmill เพื่อความสวยงาม
เริ่มจากการ นอนหงายลงบนพื้น ไม่ให้ศีรษะโดนพื้น จากนั้น
ให้ใช้ขาขวา เตะกวาดในลักษณะตามเข็มนาฬิกา เป็นวงกลม
แล้วเตะขาซ้ายกวาดตามมาเล็กน้อย จากนั้นให้งอเข่าทั้งสองข้าง
ยกก้นให้ลอยจากพื้นแล้วใช้ สะบัก หรือแผ่นหลังด้านบน หมุน
ขณะหมุนเก็บคองอเข่า เพื่อให้ได้รอบมากขึ้น
ในช่วงแรกๆของท่านี้สำหรับบางคนจะเสียสมดุลบนหลัง
ของตนวิธีการคือให้หลังจากเตะกวาดแล้วให้เก็บคองอเข่า
ให้เร็วที่สุดเพื่อให้ร่างกายหมุนเหวี่ยงไปตามแรง
Tip พยายามทำให้เหลือพี้นที่ที่ใช้หมุนให้น้อยที่สุดเพื่อเพิ่มรอบหรือ
ให้ชูขาทั้งสองขึ้นช้าๆขณะหมุนเพื่อให้รอบมากขึ้น


เป็นท่าที่ที่นิยมกันมากในการฝึกซึ่งเป็นท่ายากท่าหนึ่งและ
ท่านี้เป้นท่าที่ผมค่อนข้างถนัดมาก และก็ชอบเป็นการส่วนตัว
ลักษระของท่านี้จะเป็นการหมุนตัวอยู่บนแขนที่กำลังหกสูง
ข้างเดียว เป็นการง่ายถ้าคุณสามารถทำหกสูงเดินเป็นวงกลมได้
เพราะฉนั้นพื้นฐานของท่านี้คือหกสูง คุณควรฝึกทรงตัวบนหกสูง
ให้ดีก่อน
แบบที่ 1
(เราจะหมุนบนมือซ้าย)
เริ่มโดยการยืนตรงแล้วนำขาขวามาไขว้ไว้บนขาซ้ายจากนั้นให้ตีล้อเกวียน
ไปทางซ้ายแต่ไม่ต้องให้ตีล้อเกวียนไปอีกข้างหนึ่งแต่ตีล้อเกวียนให้ขาลอยขึ้น
ไปทำหกสูงได้ เท่านั้นพอ เมื่อขึ้นไปหกสูงได้แล้ว ให้เอนน้ำหนักทั้งหมดของ
คุณไปที่มือซ้าย (ขณะเดียวกันนี้ขาทั้งสองของคุณที่ไขว้กันจะหลุดออกจากกัน)
จากนั้นให้ตีศอกขวาไปด้านหลัง ให้ตัวหมุนอยู่บนมือซ้าย
แบบที่ 2
(หมุนบนมือซ้ายเช่นกัน)
เริ่มโดยการยืนแยกขาทั้งสองประมาณ 30 องศา กางแขนออก จากนั้นให้
วางมือขวาบนพื้นด้านหน้าเท้าซ้ายจากนั้นให้เตะขาซ้ายไปด้านหลัง แรงพอ
ที่จะทำให้เท้าขวาลอยขึ้นจากพื้น เมื่อเท้าทั้งสองของคุณลอยขึ้นจากพื้นแล้ว
ลำตัวของคุณจะเหวี่ยงเป็นวงกลมในแนวดิ่ง ให้คุณวางมือซ้ายของคุณ
ลงบนพื้น ใกล้กับมือขวาจากนั้นให้ถีบขาขวาไปด้านหลัง (ถีบขึ้นไปตรง)
แล้วปล่อยมือขวา (ขณะนี้น้ำหนักทั้งหมดของคุณจะอยู่บนแขนซ้าย)
ร่างกายของคุณจะหมุนอยู่บนมือซ้าย พยายามเกร็งแขน ซ้ายไว้ และทรงตัว


  
1990 แบบอื่น
2000 ; คือท่า 1990 แต่ใช้มือขวามาวางบนมือซ้ายตอนหมุนท่านี้จะค่อนข้างทรงตัวดี
Reverse 1990 ; คือ จากที่คุณหมุนซ้ายก็เปลี่ยนเป็นทือขวาแทนแต่ลำตัวของคุณจะหมุน
ในด้านเดิม ท่านี้จะหมุนค่อนข้างยาก
Elbow 90 ; มันคือ 1990 แต่ว่า ใช้ศอกแทนมือของคุณ
วิธีเพิ่มรอบ
แบบงอเข่า แล้วยืดขา
หลักของมันจะเหมือนกับท่า Headspin แต่ใช้มือแทน คือเหมือนกันตรงที่
เมื่อคุณเตะขาขึ้นไปแล้วให้งอเข่าแบบนั่งชันเข่าข้างเดียว ทรงตัวให้ได้ ซัก
2-3 รอบแล้วจึงยืดขาทั้งสอง ขึ้นเพื่อเพิ่มรอบเป็น 5-6 รอบ
แบบถีบจักรยาน
ก็แบบที่คุณ ถีบจักรยาเลยล่ะถ้าจะตกก็ถีบขึ้นไปอีก
แบบรวบขารวดเดียว
แบบนี้จะยากที่สุดเพราะมันจะเหวี่ยงแรงมากทำได้โดยเมื่อคุณแตะ 1990
ขึ้นไปได้แล้วให้คุณรวบขาทั้งสองมาชิดกัน หรือมาไขว้กันจะทำให้คุณ
ได้รอบมาก
ข้อควรระวัง ; คุณควรหกสูงให้ดีก่อนทำท่านี้มิฉนั้นคุณอาจได้รับบาดเจ็บบริเวณ
ศีรษะ แขน เข่า เท้า ฯลฯ ถ้ารู้สึกล้าที่ช่วงต้นแขนให้นอนหลับพักผ่อน
Tip ; หกสูงดีๆเชื่อผม ถ้ามือซ้ายมือเดียวได้ก็จะดีมาก

ท่านี้ถูกพัฒนาขึ้นมาจากท่า 1990's ซึ่งเป็นที่ใช้การทรงตัวมากแต่ถ้าเป็น 2000's
จะทรงตัวได้ง่ายกว่าแต่ในขณะเดียวกันมันก็อาจจะหนืดกว่า 1990's เล็กน้อย
ลักษณะของท่า 2000's คือเหมือน 1990's ทุกอย่างเว้นแต่ว่ามือขวาวางทับไว้
บนมือซ้ายเพื่อเพิ่มการทรงตัวให้มากกว่าเดิมทำให้คุณไม่ต้องเอียงน้ำหนักไปทางซ้าย
มากนัก
การเพิ่มความเร็วและรอบ ;
เหมือนกับ 1990's ทุกอย่างแต่ส่วนใหญ่แบบที่มี
ประสิทธิภาพคือการรวบขาทั้งสองเพื่อที่จะเกลียงตัว
คำแนะนำ ; คุณอาจหาผ้าหรือบางอย่างมาพันฝ่ามือก็ได้เพื่อความไม่ฝืดในการหมุน



คุณจำเป็นจะต้องมีคอที่แข็งแรงสำหรับท่านี้เนื่องจากคุณจะต้องใช้
คอของคุณรับน้ำหนักตัวของคุณทั้งหมด ซึ่งถ้าคอของคุณไม่แข็ง
แรง อาจทำให้คอคุณหักได้ ท่านี้ถือเป็นท่าที่อันตรายพอสมควร
การสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อคอของคุณมีดังนี้
โดยคุณจะต้องทำหกสามเส้า โดยการเอาหัวตั้งกับพื้นแล้วใช้
มือทั้งสองประคองไว้ด้านหน้ายกขาทั้งสองขึ้นจากพื้น
(ในครั้งแรกคุณอาจจะเอาเข่าทั้งสองมาวางพักไว้บนศอกก่อน
ก็ได้) ทำลักษณะนี้ นานประมาณ 15-30 วินาที ต่อ 1 ครั้ง
วัน ล่ะ 3 ทำลักษณะนี้ไปซักเดือนนึง เมื่อทรงตัวได้ ก็ ลอง
ขยับขาทั้งสองข้างดู อ้าบ้างหับบ้างเหวี่ยงซ้ายบ้างขวาบ้าง
แต่อย่าให้ศีรษะขยับ และอย่าปล่อยมือ ก่อนที่คุณจะเริ่มการหมุน
คุณควรหาจุดที่คุณจะหมุนบนศีรษะของคุณให้ได้ก่อน จุดที่คุณ
สามารถทรงตัวบนศีรษะของคุณได้แบบแน่นอนแบบไม่โซเซไป
ไหน เมื่อคุณหาจุดทรงตัวได้แล้วก็ให้กางขาของคุณทั้งสองออก
ให้ขาทั้งสองของคุณกางไว้ จากนั้นให้เหวี่ยง ขาขวามาด้านหน้า
ขาซ้ายเหวี่ยงไปด้านหลัง แล้วจากนั้นให้เหวี่ยงขาขวาไปด้านขวา
(ด้านขวาขางคุณตอนกำลังกลับหัว) ส่วนขาซ้ายก็เหวี่ยงตามขาขวา
มา จากนั้นลำตัวของคุณจะบิด ให้คุณปล่อยมือทั้งสองออกจากพื้น
(ขาทั้งสองของคุณต้องกางตลอดเวลา) แล้ว ให้เหวี่ยงแขนทั้งสอง
มาจับพื้นอีกครั้ง (หัวของคุณจะหมุนเมื่อคุณปล่อยมือและเมื่อกลับ
มาใช้มือวางที่พื้นอีกครั้งขาของคุณจะเหวี่ยงแต่หัวคุณจะไม่หมุน)
ขาของคุณจะเหวี่ยงไปเหมือนท่าเริ่ม แล้วให้คุณทำลักษณะเดิมอีก
จนกว่าคุณจะรู้สึกว่าทรงตัวอยู่บนหัวได้ โดยไม่ใช้มือ เมื่อแรง
เหวี่ยงได้ระดับให้คุณปล่อยมือ แล้วกางแขนออกเพื่อคุมการทรงตัว
ส่วนขาอยู่ ในลักษณะใดก็ได้ที่คุณสามารถ ทรงตัวอยู่ได้ ถ้าแรงเหวี่ยง
หมดคุณสามารถ ปั่นต่อได้ตามวิธีข้างต้น
การเพิ่ม speed ขณะปล่อยมือ
โดยการที่กำลังหมุนอยู่ในท่างอเข่าแล้วค่อยๆเหยียดขาขึ้นไป
ข้อควรระวัง ; ท่านี้อาจทำให้คุณบาดเจ็บบริเวณคอของคุณได้โดยตรง
จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษก่อนทำหรือฝึกท่านี้ทุกครั้งควร
จะวอร์มคอก่อน โดยการหมุนไปทางซ้ายและขวา ด้านล่ะ
10 ครั้ง เงยค้างไว้ 10 วินาที ก้มค้างไว้ 10 วินาที
และถ้าคุณยังหาจุดที่ใช้หมุนไม่ได้ก็จงอย่าหมุน จนกว่าจะหาเจอ
Tip ; เวลาปั่น ให้กางขาไว้และพยายามทำหลังให้ตรง ไม่ให้สะโพกตก
ส่วนเวลาทรงตัวให้ กางแขนทั้งสองเพื่อควบคุมการทรงตัว นะค๊าฟ